วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

โรคต่าง ๆ ที่มักเกิดขึ้นกับแมว



โรคหวัดแมว (
Cat Flu)
คัดจาก
http://www.sappasan.com/forum/viewtopic.php?t=1962

พบมาก : เป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แมวสามารถรักษาตัวเองได้ แต่ถ้าเป็นมากหรือเป็นมานาน ควรให้ยาปฏิชีวนะ และยาแก้หวัดใส่หลอดกรอกปากแมว เจ้าของควรระมัดระวัง เพราะแมวอาจจะอ่อนแอ มีโรคแทรกซ้อนได้ สาเหตุ : เกิดจากเชื้อไวรัส อาการ : แมวจะซึม เบื่ออาหาร ตาแฉะ มีขี้ตามาก น้ำมูกไหล ไอ จาม การติดต่อ : ทางการหายใจ การกินเอาเชื้อโรคที่มีในน้ำมูก น้ำลาย เข้าไป การรักษา : ถ้าเป็นไม่มากนักแมวจะหายเอง แต่ควรทำการแยกแมวป่วยออกจากแมวตัวอื่น ให้อยู่ในที่อบอุ่น มีอากาศถ่ายเทดี และอาจให้ยาช่วยบรรเทาอาการได้บ้าง เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ ยาลดน้ำมูก และคอยทำความสะอาดตาและจมูก โดยใช้เกลือผสมน้ำอุ่นเจือจางเช็ดเบาๆ ให้แมวกินอาหารอ่อนๆ และพักผ่อนมากๆ แต่ถ้าไม่ทุเลาและเป็นนาน ควรพาไปพบสัตวแพทย์




ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป (Feline hyperthyroidism)
บทความโดย ทนพ.รวิกร หัศบำเรอ

โรคนี้จะเกิดจากกับแมวอายุกลาง จนถึงแก่ มักเกินจากการมีเนื้องอกในต่อม โดย 1-2% ของเนื้องอกพวกนี้จะเป็นมะเร็ง (น้อยมากๆ อย่าไปกลัว) แต่แมวที่เป็นแล้วไม่ได้รักษาจะต้องตายเพราะต่อมไทรอยด์ที่ทำงานมากผิดปกติ ทำให้ระบบการสร้างและการทำลายสารต่างๆในร่างการปรวนแปรไปหมดส่วนยาที่รักษาของโรคนี้ก็คือยากลุ่ม Methimazole (เมทิมาโซล) ยาพวกนี้จะยับยั้งไม่ให้ต่อมไทรอยด์ผลิตไทรอยด์ฮอร์โมน ยากลุ่มนี้มีพิษมากในแมว ที่พบมากคือ เบื่ออาหาร อาเจียน และเหม่อลอย ที่พบน้อยคือ ตะกุยหน้าและคอ เม็ดเลือดขาวและเกร็ดเลือดต่ำ และตับวายยานี้เวลาจะใช้ต้องระวังมากๆ ซึ่งต้องตรวจระดับ ไทรอย์ดฮอร์โมน (T4) เพื่อใช้ในกาปรับระดับยาให้เหมาะสมขนาดที่ใช้ 2.5 - 7.5 มิลิกรัม ขึ้นกับขนาดแมวและความรุนแรงของโรค โดยให้กันวันละ 2 ครั้ง ที่สำคัญถ้าแมวเป็นจะต้องกินยาไปตลอดชีวิตเพราะยาทำหน้าที่แค่ระงับการสร้างไทรอย์ดฮอร์โมนเท่านั้น ส่วนการรักษาอื่นๆก็อาจจะมีการผ่าตัด หรือใช้รังษีรักษาก็ได้ ขึ้นกับแพทย์

ที่มาข้อมูล Guide to Medication for Your Dog and CatBy Kate A.W. Roby, V.M.D, Lenny Southam, D.V.M





นิ่วในแมว (Urolithiasis) การเกิดนิ่วในแมวนั้นสามารถเกิดได้หลายตำแหน่ง คือ ที่ในกรวยไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อทางเดินปัสสาวะ แต่ที่พบได้บ่อยก็คือ ในกระเพาะปัสสาวะ และท่อทางเดินปัสสาวะ ซึ่งโดยมากจะเป็นก้อนนิ่วขนาดเล็กกว่า 0.05-0.10 cm.

การเกิดนิ่วอาจทำให้เกิดการขัดขวางการปัสสาวะ หรือถ้ามีการอุดตันอย่างสมบูรณ์แมวจะปัสสาวะไม่ได้ และจะเกิดการปวดเบ่งตลอดเวลา คลำบริเวณท้องตอนท้ายจะพบก้อนใหญ่มาก นั่นคือกระเพาะปัสสาวะที่มีปัสสาวะอยู่เต็ม ซึ่งการอุดตันอย่างสมบูรณ์นั้น ถ้าไม่มีการแก้ไขจะทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันตามมา นิ่วในแมวนั้นมักจะโปร่งรังสี คือ X-Ray ธรรมดามักไม่พบ การตรวจอาจต้องใช้เทคนิคพิเศษในการ X-Ray หรืออาจใช้ Ultrasound ตรวจ

สาเหตุ - สายพันธุ์ พบว่าแมวสายพันธุ์เปอร์เซียสามารถเกิดนิ่วได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ - เพศ การเกิดนิ่วมักเกิดในเพศผู้ได้ง่ายกว่า เนื่องจากท่อทางเดินปัสสาวะมีขนาดเล็กและยาว การที่จะขับตะกอนต่างๆออกจากกระเพาะปัสสาวะจะยากกว่าแมวเพศเมีย - อาหารและลักษณะการกินอาหาร อาหารที่มีส่วนประกอบของเถ้าถ่าน (ash) และส่วนผสมของธาตุแมงกานีสมากในอาหาร จะทำให้เกิดการตกตะกอนและเกิดนิ่วได้ง่าย การกินอาหารคือ แมวกินอาหารเม็ดและกินน้ำน้อยก็มีแนวโน้มที่จะเกิดนิ่วได้ง่าย - การเกิดสภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดนิ่วได้ง่าย เนื่องจากในแมวปกติปัสสาวะจะเป็นกรดอ่อนๆ แต่เมื่อมีการอักเสบจะทำให้น้ำปัสสาวะเปลี่ยนเป็นด่างอ่อนๆ ซึ่งมีผลทำให้มีการตกตะกอนและเกิดนิ่วขึ้นมาได้

อาการ จะคล้ายกับการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ ปัสสาวะกะปริบกะปรอย ปวดเบ่ง ปัสสาวะอาจมีเลือดปน บางครั้งพบตะกอนนิ่วออกมาด้วย แมวจะวิ่งเข้ากระบะทรายบ่อยๆ และใช้เวลาในการเบ่งนานขึ้น บางตัวนอนในกระบะทราย บางครั้งในแมวบางตัวจะมีการร้องครางเพราะปัสสาวะไม่ออก การรักษา พาแมวไปตรวจกับสัตวแพทย์ ซึ่งสัตวแพทย์จะตรวจวินิจฉัยแยกโรคว่าเป็นนิ่วหรือไม่ โดยอาจมีการ X-Ray รวมทั้งมีการใช้เทคนิคพิเศษในการ X-Ray การตรวจ Ultrasound การตรวจปัสสาวะเพื่อดูตะกอนนิ่วว่าเป็นนิ่วชนิดใด เพื่อจะได้เลือกใช้ยาละลายนิ่วให้เหมาะสม การตรวจเลือดและชีวะเคมีของเลือด เพื่อดูสภาพการทำงานของไตและสภาพร่างกายของสัตว์ เพื่อเลือกชนิดของสารน้ำที่จะให้ทางเส้นเลือดให้เหมาะสม

การรักษา คือการทำให้แมวปัสสาวะได้ อาจต้องสวนท่อปัสสาวะ หรือถ้าสวนไม่ได้ อาจใช้เข็มเบอร์เล็กเจาะปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะทางผนังช่องท้อง ซึ่งวิธีนี้เป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า แต่สุดท้ายก็ต้องพยายามทำให้ท่อทางเดินปัสสาวะเปิดเพื่อให้ปัสสาวะออกได้สะดวก การให้ยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์ในระบบทางเดินปัสสาวะ การให้ยาลดบวม การให้ยาขยายท่อและให้กลุ่มยาละลายนิ่ว หรือกลุ่มยาที่จะปรับสภาพน้ำปัสสาวะให้เป็นกรดเพื่อจะได้ละลายนิ่วออกมา การผ่าตัดเพื่อเอานิ่วออกมักไม่นิยมทำให้แมว เนื่องจากนิ่วในแมวมีขนาดเล็ก และการรักษาทางยาก็ตอบสนองต่อการรักษาได้ดี การผ่าตัดจะทำเมื่อ X-Ray แล้วพบว่านิ่วมีขนาดใหญ่กว่า 0.15 cm. เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะออกจากทางเดินปัสสาวะไม่ได้ และขณะทำการรักษาอาจให้แมวกินอาหารรักษาโรคนิ่ว เช่น S/O pH control ของ Walthm หรืออาหารรักษาโรคนิ่วของ Science diet เป็นต้น หลังจากรักษาโรคนิ่วหายขาดแล้ว แนะนำว่าให้กินอาหารที่ control ความเป็นกรด-ด่างของปัสสาวะ เพราะแมวที่เป็นนิ่วมาแล้ว โอกาสที่จะเกิดนิ่วขึ้นใหม่ง่ายกว่าแมวที่ยังไม่เคยเป็น อาหารที่ควบคุม pH ในน้ำปัสสาวะ เช่น Advance ของแมว, Royal Canine ถุงสีทอง เป็นต้น

1 ความคิดเห็น: