วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

การสมัครเขียนบล็อกที่ Blogger.com


Blogger : การสมัครเขียนบล็อกที่ Blogger.com



1. เข้าสมัครสมาชิกได้ที่เว็บไซต์
www.blogger.com


2. คลิกที่เริ่มสร้างบล็อกที่ CREATE YOUR BLOG NOW


3. กรอกรายละเอียดส่วนตัว ชื่อล็อกอิน / รหัสผ่าน / ชื่อบล็อก / อีเมล์เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Continue





4. ระบุรายละเอียดของบล็อก
Blog title : ระบุชื่อบล็อก
Blog address (URL) : ชื่อยูอาแอลสำหรับเรียกใช้งาน http://sowonpark.blogpot.comworld/
Verification : พิมพ์รหัสที่ระบบบอกมาเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Continue


5 . ระบบจะแสดง Template ให้เลือกใช้งานหลายแบบ ให้ทำการคลิกเลือก Template ที่ต้องการเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Continue


6 . ระบบแสดงข้อความกำลังทำการสร้าง blog ให้อยู่

7. ทำการสร้าง blog เสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม START POSTING เพื่อทดสอบเข้าใช้งาน





8. พิมพ์รายละเอียดข้อความแรกในบล็อก หลังพิมพ์ฺเสร็จสามารถคลิก preview ดูผลก่อนได้ เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Publish Post


9. เสร็จสิ้นการติดตั้งเว็บบล็อกให้คลิกที่ View Blog เพื่อดูผล

10. แสดงบล็อกส่วนตัวที่สร้างเสร็จแล้วสังเกต url ด้านบนจะเป็น http://twister-tasmanian.blogspot.com/




11. ที่นี้กรณีที่ต้องการเขียน Blog เพิ่มเติม หรือเข้าไปแก้ไข Blog สามารถล็อกอินเข้าได้ที่http://www.blogger.com/startพิมพ์ชื่อ username / Password เสร็จแล้วคลิกปุ่ม SIGN IN เพื่อเข้าระบบ





12. จะเข้าสู่หน้าต่างผู้ดูแลบล็อกสำหรับแก้ไข และปรับแต่งข้อมูลต่างๆ ดังรูปทำการแก้ไขข้อมูลต่างๆ ตามต้องการ


วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

เบอร์ลิน

กรุงเบอร์ลิน
เมืองที่ใหญ่ที่สุดและปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศ โดยถูกล้อมรอบด้วยรัฐบรานเดนบวร์ก (Brandenburg) และมีแม่น้ำสายสำคัญคือแม่น้ำ Spree ไหลผ่าน พื้นที่โดยรวมประมาณ 889 ตารางกิโลเมตร และมีจำนวนประชากรทั้งสิ้นเกือบสี่ล้านคน เมื่อครั้งอดีตเมืองหลวงแห่งนี้เคยได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์การแบ่งโลกออกเป็นสองฝ่าย หลังสงครามโลกครั้งที่สองโดยในปี 1948 เป็นช่วงสงครามเย็นระหว่างประเทศในกลุ่มโลกเสรีและสหภาพโซเวียต (ในขณะนั้น) ซึ่งได้แบ่งเมืองนี้ออกเป็นสองส่วน คือฝั่งตะวันตก จะถูกควบคุมโดยอังกฤษ อเมริกา และฝรั่งเศส และทางฝั่งตะวันออกถูกควบคุมโดยสหภาพโซเวียต ซึ่งมีกำแพงเบอร์ลินกั้นเขตออกจากกันจนมาถึงยุคล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินก็ถูกทำลายไป ประเทศเยอรมนีที่เคยถูกแบ่งเป็นสองส่วนก็กลับมารวมเป็นประเทศเดียวดังเดิมภายใต้ชื่อ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน และกรุงเบอร์ลินก็ถูกฟื้นฟูบูรณะให้กลับมาเป็นเมืองหลวงอีกครั้ง





สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเบอร์ลิน





ในเบอร์ลินมีสถานที่ในนักท่องเที่ยวได้สามารถท่องเที่ยวได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแนวประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี หรือ การช็อปปิ้ง อาทิเช่น อนุสาวรีย์แห่งชัยชนะ โบสถ์อนุสรณ์จักรพรรดิวิลเฮล์ม เป็นต้น ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนสนใจอยากรู้ว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนอีก สามารถเข้าไปยังลิงค์ด้านล่างได้เลย
แหล่งที่มา : http://trai3.multiply.com/journal/item/21

http://www.uploadtoday.com/download/?283477&A=296340

โรคต่าง ๆ ที่มักเกิดขึ้นกับแมว



โรคหวัดแมว (
Cat Flu)
คัดจาก
http://www.sappasan.com/forum/viewtopic.php?t=1962

พบมาก : เป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แมวสามารถรักษาตัวเองได้ แต่ถ้าเป็นมากหรือเป็นมานาน ควรให้ยาปฏิชีวนะ และยาแก้หวัดใส่หลอดกรอกปากแมว เจ้าของควรระมัดระวัง เพราะแมวอาจจะอ่อนแอ มีโรคแทรกซ้อนได้ สาเหตุ : เกิดจากเชื้อไวรัส อาการ : แมวจะซึม เบื่ออาหาร ตาแฉะ มีขี้ตามาก น้ำมูกไหล ไอ จาม การติดต่อ : ทางการหายใจ การกินเอาเชื้อโรคที่มีในน้ำมูก น้ำลาย เข้าไป การรักษา : ถ้าเป็นไม่มากนักแมวจะหายเอง แต่ควรทำการแยกแมวป่วยออกจากแมวตัวอื่น ให้อยู่ในที่อบอุ่น มีอากาศถ่ายเทดี และอาจให้ยาช่วยบรรเทาอาการได้บ้าง เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ ยาลดน้ำมูก และคอยทำความสะอาดตาและจมูก โดยใช้เกลือผสมน้ำอุ่นเจือจางเช็ดเบาๆ ให้แมวกินอาหารอ่อนๆ และพักผ่อนมากๆ แต่ถ้าไม่ทุเลาและเป็นนาน ควรพาไปพบสัตวแพทย์




ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป (Feline hyperthyroidism)
บทความโดย ทนพ.รวิกร หัศบำเรอ

โรคนี้จะเกิดจากกับแมวอายุกลาง จนถึงแก่ มักเกินจากการมีเนื้องอกในต่อม โดย 1-2% ของเนื้องอกพวกนี้จะเป็นมะเร็ง (น้อยมากๆ อย่าไปกลัว) แต่แมวที่เป็นแล้วไม่ได้รักษาจะต้องตายเพราะต่อมไทรอยด์ที่ทำงานมากผิดปกติ ทำให้ระบบการสร้างและการทำลายสารต่างๆในร่างการปรวนแปรไปหมดส่วนยาที่รักษาของโรคนี้ก็คือยากลุ่ม Methimazole (เมทิมาโซล) ยาพวกนี้จะยับยั้งไม่ให้ต่อมไทรอยด์ผลิตไทรอยด์ฮอร์โมน ยากลุ่มนี้มีพิษมากในแมว ที่พบมากคือ เบื่ออาหาร อาเจียน และเหม่อลอย ที่พบน้อยคือ ตะกุยหน้าและคอ เม็ดเลือดขาวและเกร็ดเลือดต่ำ และตับวายยานี้เวลาจะใช้ต้องระวังมากๆ ซึ่งต้องตรวจระดับ ไทรอย์ดฮอร์โมน (T4) เพื่อใช้ในกาปรับระดับยาให้เหมาะสมขนาดที่ใช้ 2.5 - 7.5 มิลิกรัม ขึ้นกับขนาดแมวและความรุนแรงของโรค โดยให้กันวันละ 2 ครั้ง ที่สำคัญถ้าแมวเป็นจะต้องกินยาไปตลอดชีวิตเพราะยาทำหน้าที่แค่ระงับการสร้างไทรอย์ดฮอร์โมนเท่านั้น ส่วนการรักษาอื่นๆก็อาจจะมีการผ่าตัด หรือใช้รังษีรักษาก็ได้ ขึ้นกับแพทย์

ที่มาข้อมูล Guide to Medication for Your Dog and CatBy Kate A.W. Roby, V.M.D, Lenny Southam, D.V.M





นิ่วในแมว (Urolithiasis) การเกิดนิ่วในแมวนั้นสามารถเกิดได้หลายตำแหน่ง คือ ที่ในกรวยไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อทางเดินปัสสาวะ แต่ที่พบได้บ่อยก็คือ ในกระเพาะปัสสาวะ และท่อทางเดินปัสสาวะ ซึ่งโดยมากจะเป็นก้อนนิ่วขนาดเล็กกว่า 0.05-0.10 cm.

การเกิดนิ่วอาจทำให้เกิดการขัดขวางการปัสสาวะ หรือถ้ามีการอุดตันอย่างสมบูรณ์แมวจะปัสสาวะไม่ได้ และจะเกิดการปวดเบ่งตลอดเวลา คลำบริเวณท้องตอนท้ายจะพบก้อนใหญ่มาก นั่นคือกระเพาะปัสสาวะที่มีปัสสาวะอยู่เต็ม ซึ่งการอุดตันอย่างสมบูรณ์นั้น ถ้าไม่มีการแก้ไขจะทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันตามมา นิ่วในแมวนั้นมักจะโปร่งรังสี คือ X-Ray ธรรมดามักไม่พบ การตรวจอาจต้องใช้เทคนิคพิเศษในการ X-Ray หรืออาจใช้ Ultrasound ตรวจ

สาเหตุ - สายพันธุ์ พบว่าแมวสายพันธุ์เปอร์เซียสามารถเกิดนิ่วได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ - เพศ การเกิดนิ่วมักเกิดในเพศผู้ได้ง่ายกว่า เนื่องจากท่อทางเดินปัสสาวะมีขนาดเล็กและยาว การที่จะขับตะกอนต่างๆออกจากกระเพาะปัสสาวะจะยากกว่าแมวเพศเมีย - อาหารและลักษณะการกินอาหาร อาหารที่มีส่วนประกอบของเถ้าถ่าน (ash) และส่วนผสมของธาตุแมงกานีสมากในอาหาร จะทำให้เกิดการตกตะกอนและเกิดนิ่วได้ง่าย การกินอาหารคือ แมวกินอาหารเม็ดและกินน้ำน้อยก็มีแนวโน้มที่จะเกิดนิ่วได้ง่าย - การเกิดสภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดนิ่วได้ง่าย เนื่องจากในแมวปกติปัสสาวะจะเป็นกรดอ่อนๆ แต่เมื่อมีการอักเสบจะทำให้น้ำปัสสาวะเปลี่ยนเป็นด่างอ่อนๆ ซึ่งมีผลทำให้มีการตกตะกอนและเกิดนิ่วขึ้นมาได้

อาการ จะคล้ายกับการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ ปัสสาวะกะปริบกะปรอย ปวดเบ่ง ปัสสาวะอาจมีเลือดปน บางครั้งพบตะกอนนิ่วออกมาด้วย แมวจะวิ่งเข้ากระบะทรายบ่อยๆ และใช้เวลาในการเบ่งนานขึ้น บางตัวนอนในกระบะทราย บางครั้งในแมวบางตัวจะมีการร้องครางเพราะปัสสาวะไม่ออก การรักษา พาแมวไปตรวจกับสัตวแพทย์ ซึ่งสัตวแพทย์จะตรวจวินิจฉัยแยกโรคว่าเป็นนิ่วหรือไม่ โดยอาจมีการ X-Ray รวมทั้งมีการใช้เทคนิคพิเศษในการ X-Ray การตรวจ Ultrasound การตรวจปัสสาวะเพื่อดูตะกอนนิ่วว่าเป็นนิ่วชนิดใด เพื่อจะได้เลือกใช้ยาละลายนิ่วให้เหมาะสม การตรวจเลือดและชีวะเคมีของเลือด เพื่อดูสภาพการทำงานของไตและสภาพร่างกายของสัตว์ เพื่อเลือกชนิดของสารน้ำที่จะให้ทางเส้นเลือดให้เหมาะสม

การรักษา คือการทำให้แมวปัสสาวะได้ อาจต้องสวนท่อปัสสาวะ หรือถ้าสวนไม่ได้ อาจใช้เข็มเบอร์เล็กเจาะปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะทางผนังช่องท้อง ซึ่งวิธีนี้เป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า แต่สุดท้ายก็ต้องพยายามทำให้ท่อทางเดินปัสสาวะเปิดเพื่อให้ปัสสาวะออกได้สะดวก การให้ยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์ในระบบทางเดินปัสสาวะ การให้ยาลดบวม การให้ยาขยายท่อและให้กลุ่มยาละลายนิ่ว หรือกลุ่มยาที่จะปรับสภาพน้ำปัสสาวะให้เป็นกรดเพื่อจะได้ละลายนิ่วออกมา การผ่าตัดเพื่อเอานิ่วออกมักไม่นิยมทำให้แมว เนื่องจากนิ่วในแมวมีขนาดเล็ก และการรักษาทางยาก็ตอบสนองต่อการรักษาได้ดี การผ่าตัดจะทำเมื่อ X-Ray แล้วพบว่านิ่วมีขนาดใหญ่กว่า 0.15 cm. เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะออกจากทางเดินปัสสาวะไม่ได้ และขณะทำการรักษาอาจให้แมวกินอาหารรักษาโรคนิ่ว เช่น S/O pH control ของ Walthm หรืออาหารรักษาโรคนิ่วของ Science diet เป็นต้น หลังจากรักษาโรคนิ่วหายขาดแล้ว แนะนำว่าให้กินอาหารที่ control ความเป็นกรด-ด่างของปัสสาวะ เพราะแมวที่เป็นนิ่วมาแล้ว โอกาสที่จะเกิดนิ่วขึ้นใหม่ง่ายกว่าแมวที่ยังไม่เคยเป็น อาหารที่ควบคุม pH ในน้ำปัสสาวะ เช่น Advance ของแมว, Royal Canine ถุงสีทอง เป็นต้น

การเลี้ยงแมวไทย !

การเลี้ยงแมวไทย

การเลี้ยงแมวไทยพันธุ์แท้ ถ้าแมวออกลูกมาจะมีสีและคุณลักษณะคงที่ เช่น ถ้าพ่อแม่สีทองแดงก็จะได้ลูกสีทองแดงทั้งหมด การผสมพันธุ์แมวถ้าใช้พ่อหรือแม่ผสมกับลูกหลาน จะทำให้มีผลได้ลูกแมวที่มีลักษณะเสื่อมลง จึงต้องมีการหาพ่อแม่แมวพันธุ์เดียวกันมาผสมให้เลือดเข้มข้นขึ้นจึงจะดี ระยะท้องของแมวประมาณ 65 - 71 วัน

ผู้ที่นิยมเลี้ยงแมวไทยแท้มักชอบเลี้ยงแมวตัวเมีย อาจเป็นเพราะแมวตัวเมียใช้เป็นแม่พันธุ์ก็ได้ และเป็นสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนก็ได้ และมีนิสัยดีไม่เที่ยวถ่ายเลอะเทอะ ผิดกับแมวตัวผู้ ซึ่งเป็นแมวพ่อพันธุ์ มักจะมีนิสัยเกเร แต่ก็เป็นนักสู้ที่ไม่ยอมถอย สู้กระทั่งสัตว์ที่ใหญ่กว่าเช่นสุนัข
การเลี้ยงแมวตัวผู้สำหรับเป็นพ่อพันธุ์ จะต้องแยกกรงขังไว้ต่างหาก แต่ต้องปล่อยให้ออกมาเดินเล่นบ้างในบางครั้ง ก่อนที่จะปล่อยตัวผู้ออกมา ก็ต้องเก็บตัวเมียเข้ากรงเสียก่อน ถ้าเลี้ยงแมวตัวเมียต้องคอยดูแลเป็นพิเศษ ทำรั้งกั้นให้สูง ไม่ควรปล่อยไปไกลตา โดยเฉพาะเวลาติดสัตว์ เพราะอาจจะไปติดสัตว์กับแมวลายเสือเข้า ถ้ามีลูกออกมาจะเสียพันธุ์หมด

การฝึกแมวกระทำได้ไม่ยากนัก เช่น การหัดให้ถ่ายเป็นที่เป็นทาง ผุ้เลี้ยงมักจะมีถาดสังกะสีใส่ทรายแห้งไว้ให้แมวถ่าย แล้วเทลงในหลุมทรายฝังไว้ไม่ให้กลิ่นรบกวน แมวฉลาดบางตัวสามารถฝึกให้ถอดกลอนประตูได้เอง ถ้าแสดงตัวอย่างให้ดู แต่การที่จะฝึกแมวไม่ให้ฉวยโอกาส ขโมยอาหารกินนั้นยังไม่มีใครฝึกได้

แมวไทย !




แมวไทยเป็นแมวพันธุ์แท้ที่สืบเชื้อสายมาจากแมวโบราณ ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นแมวพันธุ์ขนสั้นที่สวยสง่าที่สุดในโลก และแมวไทยยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก น่าเอ็นดู มีเสน่ท์ เป็นที่นิยมกันทั่วโลกอีกด้วย แต่คนไทยน้อยคนนักที่จะรู้ว่าแมวพันธุ์ไทยแท้มีรูปร่าง หน้าตาเป็นอย่างไร คนไทยส่วนใหญ่ต่างเข้าใจว่า แมวไทยที่พบเห็นกันอยู่ทั่วไปนั้นคือ แมวไทยพันธุ์แท้ทุกตัว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเป็นแมวลูกผสมเกือบทั้งสิ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ เราในฐานะที่เป็นคนไทย และมีแมวพันธุ์ดี ทีมีถิ่นกำเนิดอยู่ในบ้านเราและเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก เราจะปฏิเสธว่าไม่รู้จัก หรือรู้จักอย่างไม่ถูกต้องคงไม่ได้อีกแล้วล่ะ

พันธุ์แมวไทย
แมวไทยมี 3 พันธุ์

วิเชียรมาศ
ขาวมณี
โคราช
โกญจา
ศุภลักษณ์

กล้องโลโม่



หากเพื่อนๆ เป็นนักเล่นกล้องมือโปร ที่หลงใหลในเสน่ห์ของภาพที่ได้จากกล้องฟิล์ม คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักล้องโลโม่ (LOMO) เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ หลายคนต้องรู้จักกันดี หลังจากที่กล้องดิจิตอล ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการกล้องแทน ทำให้กล้องโลโม่ กลายเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหู และอาจสูญหายไปเมื่อนานวัน
แล้วเพื่อนๆ ทราบกันหรือไม่ว่า.. เสน่ห์ของกล้องโลโม่ นั้นมีดีที่ตรงไหน ก็คือ ภาพที่ได้จะมีสีสันที่แปลกตาและสื่ออารมณ์ได้ดีกว่ากล้องชนิดอื่น ทำให้บางคนเรียกการถ่ายภาพลักษณะเช่นนี้ว่า "การถ่ายภาพแนวโลโม่" ที่หลายคนเคยสงสัยว่าเป็นยังงัย
เดิมทีกล้องโลโม่ออกแบบมาเพื่อใช้ในหน่วยงานสายลับของกองทัพรัสเซีย โดย LOMO ย่อมาจาก "Leningrad Optical Machinery Organization" ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ผลิตเลนส์เพื่อใช้ในโครงการอวกาศของกิจการกองทัพ และผลิตเลนส์ที่ใช้ในกล้องโทรทัศน์ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2526
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคง และอุตสาหกรรมของสหภาพโซเวียตในขณะนั้น มีคำสั่งให้หน่วยงาน LOMO ผลิตกล้องเลียนแบบกล้องคอมแพคท์ของญี่ปุ่นขึ้นมาให้เร็วที่สุด ถูกที่สุดและมากที่สุด เพื่อแจกจ่ายให้พลเมืองรัสเซียทุกคนได้รู้จักการถ่ายรูป โดยมีคำขวัญว่า "คอมมิวนิสต์อันทรงเกียรติทุกคนควรมีกล้อง Lomo Kompakt Automat LC-A เป็นของตัวเอง" โดยผู้ผลิตกล้อง Lomo Kompakt Automat LC-A คือ Michail Aronowitsch Radionov อดีตสายลับ KGB[1]
ต่อมาเมื่อในปี พ.ศ. 2534 Matthias Fiegl และ Wolfgang Stranzinger หนึ่งในผู้บริหารบริษัท Lomographische AG เดินทางไปท่องเที่ยวที่เมืองปราก สาธารณรัฐเช็ก แต่ลืมนำกล้องถ่ายรูปไปด้วย จึงไปซื้อและได้รู้จักกับกล้อง Lomo Kompakt Automat โดยบังเอิญ และหลังจากได้ถ่าย และล้างรูปจากร้านล้างรูปธรรมดาในซุเปอร์มาร์เก็ต[1] ผลออกมา พบว่าภาพถ่ายมีสีสันจัดจ้านดูผิดเพี้ยน แต่มีความสวยงามจนทำให้พวกเขาได้หลงใหลกับภาพที่ปรากฏขึ้น และในปี 2535 Fiegl และเพื่อนได้จัดตั้งบริษัท Lomographische AG ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย หลังจากนั้นไม่นานกระแสความนิยมในโลโม่กระจายไปทั่วโลก ภายใต้แนวความคิดว่า "Lomography is an analog lifestyle product"
โลโม่กราฟีเน้นการถ่ายภาพจากระดับเอว การใช้สีจัดเกิน สิ่งปนเปื้อนบนเลนส์ และจุดตำหนิอย่างจงใจ เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นศิลปะ เป็นนามธรรม เหล่านี้เป็นสิ่งที่นักถ่ายภาพโลโมกราฟีนิยมชมชอบ ด้วยขนาดที่เล็ก ทำให้กล้องโลโมเป็นที่นิยมสำหรับการพกพา และใช้บันทึกภาพในชีวิตประจำวัน.
นอกจากนี้ ความสามารถในการถ่ายในที่ๆ มีแสงน้อยได้ ทำให้มันเป็นที่นิยมสำหรับการภาพทีเผลอ(แคนดิด) การรายงานด้วยภาพ และภาพเหตุการณ์จริง (photo verit?, คำว่า verit? เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ความจริง)


คติของโลโมกราฟีคือ "ไม่ต้องคิด ถ่ายไปเลย" ("don't think, just shoot")



GunGnuG



http://gungii.blogspot.com/